เมนู

ประการนั้น เป็นเหตุเท่านั้น มิใช่หรือ ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขากำลังถูก
ประหารอยู่ด้วยหอกแม้เล่มเดียว ก็พึงเสวยความทุกข์โทมนัสซึ่งมีการ
ประหารนั้นเป็นเหตุ แต่จะกล่าวไปไยถึงเมื่อเขากำลังถูกประหารอยู่ด้วย
หอกสามร้อยเล่มเล่า ข้อนี้ฉันนั้น เรากล่าวว่า จะพึงเห็นวิญญาณาหาร
ฉันนั้นเหมือนกัน เมื่ออริยสาวกกำหนดรู้วิญญาณาหารได้แล้ว ก็เป็นอัน
กำหนดรู้นามรุปได้แล้ว เมื่ออริยสาวกหากำหนดรู้นามรูปได้เเล้ว เรา
กล่าวว่า ไม่มีสิ่งใดที่อริยสาวกจะพึงทำให้ยิ่งขึ้นไปกว่านี้อีกแล้ว.
จบปุตตมังสสูตรที่ 3

อรรถกถาปุตตมังสสูตรที่ 3



ในปุตตมังสสูตรที่ 3 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ในคำว่า จตฺตาโรเม ภิกฺขเว อาหารา เป็นต้น มีนัยดังกล่าวแล้ว
นั่นแล. ก็เพราะสูตรนั้นตั้งขึ้นโดยอัตถุปปัตติ ฉะนั้น ครั้นข้าพเจ้า
แสดงเรื่องนั้นแล้ว ในที่นี้จักแสดงการพรรณนาตามลำดับบท. ถามว่า
พระสูตรนี้ ตั้งขึ้นโดยอัตถุปปัตติอะไร. ตอบว่า โดยเรื่องลาภและสักการะ.
ได้ยินว่า ลาภและสักการะเป็นอันมากขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า.
เหมือนสมัยทรงสร้างสมพระบารมีที่ทรงบำเพ็ญตลอด 4 อสงไขย. จริงอยู่
บารมีทั้งหมดของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น เป็นประหนึ่งประมวลมาว่า เรา
จักให้วิบากในอัตภาพหนึ่ง จึงยังห้วงน้ำใหญ่คือลาภและสักการะให้บังเกิด
เหมือนเมฆใหญ่ตั้งขึ้นแล้วยังห้วงน้ำใหญ่ให้บังเกิดฉะนั้น. ชนทั้งหลายมี
กษัตริย์และพราหมณ์เป็นต้น ต่างถือข้าว น้ำ ยาน ผ้า ระเบียบดอกไม้